เช็กลิสอาการเสี่ยงและสัญญาณเตือนของสโตรก: การป้องกันและการรักษาเบื้องต้น

สโตรก หรือโรคหลอดเลือดสมอง เป็นภาวะทางการแพทย์ที่มีความรุนแรงและเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน การป้องกันและการรับรู้ถึงสัญญาณเตือนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดสโตรกและเพิ่มโอกาสในการรักษาได้ทันท่วงที ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับปัจจัยเสี่ยงของสโตรก พร้อมทั้งวิธีสังเกตสัญญาณเตือนที่สามารถช่วยชีวิตได้

ใครมีความเสี่ยงที่จะเป็นสโตรก?

การป้องกันสโตรกเริ่มต้นด้วยการเข้าใจถึงปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง คนที่มีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและปรึกษาแพทย์เพื่อลดความเสี่ยง

  1. ผู้ป่วยโรคหลอดเลือด เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคไขมันในเลือดสูง
    ผู้ที่มีโรคประจำตัวเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นสโตรก เนื่องจากโรคเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบตันหรือแข็งตัว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้อย่างเพียงพอ
  2. ผู้ป่วยโรคหัวใจ
    ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเต้นของหัวใจ เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีโอกาสที่จะเกิดลิ่มเลือดในหัวใจ และเมื่อลิ่มเลือดหลุดออกไป อาจเดินทางไปยังสมองและทำให้หลอดเลือดในสมองอุดตัน นำไปสู่การเกิดสโตรก
  3. ผู้ที่สูบบุหรี่
    การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญอีกหนึ่งประการที่ส่งผลต่อการเกิดสโตรก นิโคตินในบุหรี่ทำให้หลอดเลือดหดตัวและส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวเร็วขึ้น
  4. ผู้ที่รับประทานฮอร์โมนเพศหญิง
    การรับประทานฮอร์โมนเพศหญิง เช่น การใช้ยาคุมกำเนิด หรือการบำบัดฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดสโตรก เนื่องจากฮอร์โมนเพศหญิงสามารถทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและทำให้หลอดเลือดเกิดการอุดตันได้
  5. ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
    คนที่มีประวัติครอบครัวที่เป็นโรคสโตรก มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้สูงขึ้นเนื่องจากปัจจัยทางพันธุกรรม หากครอบครัวมีประวัติโรคหลอดเลือดสมอง ควรตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอและปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อป้องกันความเสี่ยง

สัญญาณเตือนของสโตรก: 6 อาการที่ควรสังเกต

การสังเกตสัญญาณเตือนของสโตรกอย่างถูกต้องสามารถช่วยให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงของอาการและเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูได้มากขึ้น อาการสโตรกมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและอาจแสดงเพียงชั่วคราว (มักไม่เกิน 60 นาที) แต่หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกถึงการเกิดสโตรก

  1. ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด
    ผู้ที่มีอาการสโตรกมักจะมีปัญหาในการพูด เช่น พูดไม่ชัด พูดติดขัด หรือไม่สามารถพูดได้เลย อาการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการอุดตันของหลอดเลือดที่ส่งเลือดไปยังสมองส่วนที่ควบคุมการพูด หากพบว่าพูดลำบากหรือปากเบี้ยว ควรรีบขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ทันที
  2. แขนขาอ่อนแรง หรือรู้สึกชา
    อาการอ่อนแรงหรือชาที่แขนหรือขาครึ่งซีกเป็นอีกหนึ่งสัญญาณสำคัญของสโตรก อาการนี้อาจทำให้ไม่สามารถยกแขนหรือขาได้เหมือนเดิม ผู้ป่วยอาจพบว่าการเคลื่อนไหวของร่างกายในครึ่งซีกข้างใดข้างหนึ่งทำได้ยากลำบาก
  3. นึกคำพูดไม่ออก หรือฟังไม่เข้าใจ
    ผู้ที่มีอาการสโตรกบางครั้งอาจมีปัญหาในการสื่อสาร ไม่สามารถนึกคำพูดออก หรือไม่เข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูด การที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยงอาจทำให้สมองทำงานผิดปกติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร
  4. เดินเซ ทรงตัวลำบาก
    อาการของสโตรกยังรวมถึงการทรงตัวที่ลำบากหรือการเดินเซ ผู้ป่วยอาจรู้สึกเวียนหัวหรือรู้สึกเหมือนจะล้มเมื่อพยายามยืนหรือเดิน เนื่องจากสมองไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวและการทรงตัวได้ตามปกติ
  5. ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
    ปวดศีรษะที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรงอาจเป็นสัญญาณของสโตรก อาการปวดศีรษะนี้มักจะไม่เหมือนกับอาการปวดศีรษะทั่วไป หากมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงร่วมกับอาการอื่น ๆ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
  6. การมองเห็นผิดปกติ
    สโตรกอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็น เช่น มองเห็นภาพซ้อน มองไม่ชัด หรือมองเห็นเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งของภาพ หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจสอบ

การป้องกันสโตรก: ลดปัจจัยเสี่ยงด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

แม้ว่าสโตรกจะเป็นโรคที่ยากจะคาดเดาได้ว่าเมื่อไหร่จะเกิดขึ้น แต่ก็มีวิธีที่เราสามารถลดความเสี่ยงได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม ดังนี้

  1. ควบคุมโรคประจำตัว
    หากคุณมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคไขมันในเลือดสูง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาและควบคุมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อติดตามอาการของโรคและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
  2. เลิกสูบบุหรี่
    การเลิกสูบบุหรี่เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดสโตรก นิโคตินในบุหรี่ทำให้หลอดเลือดหดตัวและความดันโลหิตสูงขึ้น การหยุดสูบบุหรี่จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง
  3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
    การออกกำลังกายช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงช่วยลดน้ำหนักและความดันโลหิต การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันสโตรก
  4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
    อาหารที่ดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดควรประกอบด้วยผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนที่มีคุณภาพ เช่น ปลาและถั่ว ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง และเกลือสูง
  5. ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินขนาดสามารถทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญในการเกิดสโตรก ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสมหรือหลีกเลี่ยงทั้งหมด

ปัจจุบันได้มีนวตกรรมใหม่โดยใช้คลื่น Terahertz  เข้ามาช่วยบรรเทา ฟื้นฟูร่างกาย โดยการทำงานของคลื่น Terahertz คือ สามารถสั่นสะเทือนที่ความถี่เดียวกับเซลล์มนุษย์ปกติโดยสร้างการสั่นสะเทือนหลายล้านครั้งต่อวินาที เมื่อเซลล์ได้รับคลื่น Terahertz จะส่งพลังงานเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็วและกระตุ้นการทำงานในระดับเซลล์ให้กลับมาทำงานเป็นปกติ

โดยอุปกรณ์ iTeraCare  ที่จะทำการเป่าคลื่น Terahertz นั้นได้ผ่านการทดสอบและตรวจสอบอย่างเข้มงวดโดยสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติและการรับรองทรัพย์สินทางปัญญาและสิทธิบัตร ดังนั้นสินค้าเลียนแบบอื่นๆ จะไม่สามารถใช้เทคโนโลยีเดียวกันได้ ทำให้ผลที่ได้แตกต่างกันมาก

ตัวอย่างคลิปผู้เป็นโรคสโตรกแล้วใช้เครื่อง iTeraCare

 

ดูข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมได้ที่  www.itera-care-prife.shop

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ==>> Line https://lin.ee/IRf5FMl